UFAG7 ขอนำเนอเกี่ยวกับ การศึกษาด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (neuroscience) ในปัจจุบันช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของนักพนันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อแยกพฤติกรรมออกเป็นกลุ่ม เช่น นักพนันมือใหม่ นักพนันประจำ และนักพนันที่มีปัญหาในการควบคุมพฤติกรรม การทำงานของสมอง โดยเฉพาะบริเวณ prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ การวางแผน และการยับยั้งพฤติกรรม มีบทบาทสำคัญในการกำกับการกระทำของแต่ละกลุ่มในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและแรงกระตุ้นที่เกิดจากการพนัน นักพนันที่มีปัญหาในการควบคุมพฤติกรรมมักแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่บกพร่องของ prefrontal cortex อย่างชัดเจน พวกเขาจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้รวดเร็ว และมักไม่สามารถยับยั้งความต้องการเล่นได้
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียมากก็ตาม งานวิจัยจำนวนมากชี้ว่าโครงสร้างสมองในกลุ่มนี้เริ่มมีลักษณะคล้ายผู้ที่มีภาวะเสพติด ส่งผลให้การเล่นพนันกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ใช่เพียงเพราะขาดวินัย แต่เป็นเพราะสมองเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญจากการสัมผัสกับการพนันอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมของนักพนันไม่ใช่เพียงแค่ผลจากการเลือกส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของสมองที่เปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์และความถี่ในการเล่น การพนันจึงไม่ใช่แค่กิจกรรมความบันเทิง แต่เป็นกระบวนการที่ส่งผลต่อระบบประสาทอย่างลึกซึ้ง ต้องการได้คืนเมื่อเริ่มเสีย ซึ่งหากเราเข้าใจในระดับนี้ จะช่วยให้สามารถวางแนวทางในการป้องกันหรือช่วยเหลือผู้ที่เริ่มมีความเสี่ยงได้ตรงจุดมากขึ้น

งานวิจัยสมองเผยออกมาว่า นักพนันเสี่ยงมากขึ้นเมื่อเครียด จริงหรือไม่
การตัดสินใจและการประเมินความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญของพฤติกรรม แต่หลายคนอาจไม่ทันนึกว่า ความเครียด มีอิทธิพลโดยตรงต่อกระบวนการเหล่านั้น งานวิจัยทางประสาทวิทยาในช่วงหลังมานี้ เริ่มชี้ให้เห็นว่าเมื่อสมองของคนเราตกอยู่ในภาวะเครียด อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะในกลุ่มนักพนันที่มีแนวโน้มตอบสนองต่อความเครียดด้วยพฤติกรรมที่เสี่ยงมากขึ้น
1. ความเครียดทำให้สมองประมวลผลความเสี่ยงผิดพลาด
เมื่อสมองเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากปัจจัยรอบตัว เช่น ปัญหาส่วนตัว ภาระหนี้ หรือความคาดหวังในผลตอบแทน สมองส่วน prefrontal cortex ที่ควบคุมเหตุผลและการไตร่ตรองจะทำงานลดลง ในขณะเดียวกัน สมองส่วน amygdala ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์จะถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น ผลลัพธ์คือ นักพนันมีแนวโน้มที่จะวางเดิมพันแบบเร่งด่วน ขาดการวิเคราะห์ และพึ่งอารมณ์เป็นหลัก
2. นักพนันที่อยู่ในภาวะเครียดมักเลือกเสี่ยงเพื่อ “หนีความรู้สึกไม่สบายใจ”
ในทางจิตวิทยา พบว่าความเครียดเรื้อรังสามารถกระตุ้นให้คนเราหาทางหลีกเลี่ยงความรู้สึกทุกข์ทรมานทางใจ การเล่นพนันจึงกลายเป็นพฤติกรรมที่ถูกเลือกโดยไม่รู้ตัว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจหรือเพื่อความรู้สึกว่า “ได้ควบคุมบางอย่างในชีวิต” แม้ในความเป็นจริงจะไม่ได้ควบคุมอะไรเลยก็ตาม
3. สมองภายใต้ความเครียดมีแนวโน้มลำเอียงในการประเมินผลลัพธ์
งานวิจัยที่ใช้เครื่อง fMRI ตรวจการทำงานของสมองพบว่า นักพนันที่เครียดจะมีความลำเอียง (cognitive bias) ในการประเมินผล คือให้ความสำคัญกับโอกาสชนะมากกว่าความเสี่ยงที่จะขาดทุน สมองจะสร้างภาพฝันของผลลัพธ์ในทางบวกมากเกินจริง ส่งผลให้การตัดสินใจพนันอยู่บนพื้นฐานของความหวัง มากกว่าข้อมูลที่มีอยู่จริง
4. ความเข้าใจกลไกสมองช่วยให้เรามองนักพนันด้วยมุมที่เป็นธรรมมากขึ้น
เมื่อเราเข้าใจว่าสมองที่เครียดสามารถเปลี่ยนรูปแบบการตัดสินใจได้โดยสิ้นเชิง ก็จะทำให้เราไม่มองนักพนันว่าเป็นเพียงคนใจร้อนหรือขาดวินัยเท่านั้น แต่อาจมองเห็นว่าเป็นคนที่อยู่ในภาวะที่สมองกำลังถูกรบกวนอย่างรุนแรงจากปัจจัยภายนอก ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนหรือการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม ก็อาจช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ลงได้ในระยะยาว
เปรียบเทียบพฤติกรรมการตัดสินใจของนักพนันมือใหม่กับนักพนันเรื้อรัง
หัวข้อเปรียบเทียบ | นักพนันมือใหม่ | นักพนันเรื้อรัง |
ประสบการณ์การเล่น | ยังไม่คุ้นชินกับการพนันและความเสี่ยง | มีประสบการณ์และเล่นพนันเป็นประจำ |
กระบวนการตัดสินใจ | ใช้เหตุผลและความรู้สึกผสมกัน ยังคิดมาก | ตัดสินใจรวดเร็ว ขาดการยับยั้งชั่งใจ |
การตอบสนองของสมอง | ระบบ reward system ทำงานปกติ | ระบบ reward system ตอบสนองรุนแรงกว่าปกติ |
พฤติกรรมการเรียนรู้ (habit learning) | เรียนรู้พฤติกรรมใหม่อย่างช้าๆ ต้องใช้ความตั้งใจ | พฤติกรรมฝังลึก กลายเป็นอัตโนมัติ |
ความเสี่ยงในการควบคุมตัวเอง | ยังสามารถควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจได้บ้าง | ควบคุมยาก มักเล่นต่อเนื่องจนเกิดการติด |
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม | มีโอกาสปรับปรุงได้ง่ายกว่า | เปลี่ยนแปลงได้ยาก ต้องใช้เวลานานและการบำบัด |
การทำงานของสมองส่วนหน้า กับการควบคุมตนเองในการพนัน
สมองส่วนหน้า หรือ Prefrontal Cortex เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสินใจ การยับยั้งชั่งใจ และการวางแผนล่วงหน้า ในกลุ่มนักพนันที่มีปัญหาควบคุมตนเองไม่ดี พบว่าการทำงานของสมองส่วนนี้มีความผิดปกติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการยับยั้งพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นการทำความเข้าใจบทบาทของสมองส่วนหน้า จึงช่วยให้เห็นภาพรวมของกลไกการควบคุมตนเองในการพนันได้ชัดเจนขึ้น
- บทบาทของสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) สมองส่วนหน้ามีหน้าที่หลักในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ควบคุมอารมณ์ และวางแผนระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การตัดสินใจที่ใจร้อนหรือการตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในอนาคต
- ความผิดปกติของสมองส่วนหน้าในนักพนัน นักพนันที่ควบคุมตัวเองไม่ได้มักมีการทำงานของสมองส่วนหน้าที่บกพร่อง หรืออ่อนแอลง ส่งผลให้เกิดความลำบากในการยับยั้งแรงกระตุ้น และขาดการวางแผนอย่างรอบคอบในการเดิมพัน ทำให้เล่นพนันโดยขาดสติและเสียหายอย่างต่อเนื่อง
- ผลกระทบต่อการควบคุมพฤติกรรมในการพนัน เมื่อสมองส่วนหน้าทำงานผิดปกติ การประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจที่ดีจะลดลง นักพนันจึงมักไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ แม้จะเจอกับผลเสียหรือความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเสพติดและความเสียหายทางการเงินและสังคม
- ความสำคัญของการเสริมสร้างสมองส่วนหน้า การเสริมสร้างและฟื้นฟูสมองส่วนหน้าถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยนักพนันควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ดีขึ้น ทั้งผ่านการฝึกฝนจิตใจ การบำบัด รวมถึงการสนับสนุนทางจิตใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียรุนแรงจากการพนันที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ
กลุ่มเสี่ยงที่สมองตอบสนองไวต่อสิ่งเร้า ทำไมนักพนันบางคนจึงเลิกไม่ได้
บุคคลบางกลุ่มมีระบบประสาทที่ไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าคนทั่วไป ซึ่งหมายความว่า เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสง สี เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวต่างๆ โดยเฉพาะจากเกมพนันที่ออกแบบมาให้ดึงดูดประสาทสัมผัส สมองของคนกลุ่มนี้จะตอบสนองในระดับที่สูงกว่าปกติอย่างชัดเจน การหลั่งสารโดพามีนในสมองจึงเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้รู้สึกตื่นเต้น พึงพอใจ หรือแม้กระทั่ง “ต้องการ” เล่นซ้ำ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีผลตอบแทนจริงก็ตาม เมื่อสมองเชื่อมโยงว่าการเล่นพนันนำมาซึ่งความตื่นเต้นหรือความสุข คนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มสูงที่จะพัฒนาไปสู่ภาวะ “การพนันแบบบีบบังคับ” หรือ Compulsive Gambling ซึ่งหมายถึงการเล่นโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้
แม้จะตระหนักถึงผลกระทบก็ตาม ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอทางจิตใจเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากระบบสมองที่เรียนรู้และตอบสนองต่อรางวัลในรูปแบบเฉพาะ ซึ่งบางครั้งอาจมีรากฐานจากพันธุกรรมหรือความผิดปกติเล็กน้อยในโครงสร้างสมองบางส่วน ดังนั้น การเข้าใจว่า “การเลิกไม่ได้” ไม่ใช่เพียงเรื่องของเจตจำนงหรือความพยายาม แต่เป็นกระบวนการทางสมองที่ซับซ้อน จะช่วยให้เรามองบุคคลเหล่านี้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันและให้ความรู้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อไม่ให้พฤติกรรมเหล่านี้พัฒนาไปสู่ระดับที่ควบคุมไม่ได้